Please select a location and what language you would like to see the website in.
เรื่องราวของแบรนด์
“ความฝันของผม คือ การประดับตกแต่งลำคอของผู้หญิงทุกคนทั่วโลกด้วยไข่มุก” —มร.โคคิชิ มิกิโมโต้ ผู้ก่อตั้งบริษัท
มร.โคคิชิ มิกิโมโต้ ได้อุทิศทั้งชีวิตให้กับไข่มุก และเขาได้รับฉายาว่าราชาแห่งไข่มุก ในปีค.ศ. 1893 ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์ เมื่อเขาประสบความสำเร็จในการผลิตไข่มุกเลี้ยงได้เป็นครั้งแรกของโลก นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้กว่าหนึ่งศตวรรษ ความฝันตลอดชีวิตของเขายังคงเจิดจรัสด้วยเครื่องประดับของมิกิโมโต้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความภูมิใจที่ได้รับการยอมรับในฐานะของหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องประดับคุณภาพที่ดีเยี่ยมที่สุดของโลก
บทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของเราเริ่มต้นขึ้น เมื่อ มร.โคคิชิ มิกิโมโต้ ประสบความสำเร็จในการรังสรรค์ไข่มุกเลี้ยงเป็นครั้งแรกในโลก
ไข่มุกธรรมชาติหาได้ยากอย่างยิ่ง เนื่องจากตามธรรมชาตินั้น หอยนางรมหนึ่งพันตัวจะมีเพียงไม่ถึงหนึ่งตัวที่จะสามารถผลิตไข่มุกได้ในช่วงชีวิตของมัน ดังนั้นในยุคก่อนที่จะสามารถผลิตไข่มุกเลี้ยงได้นั้น หอยมุกเคยเป็นเครื่องประดับหรูหราสำหรับคนร่ำรวยเท่านั้น มร.โคคิชิ มิกิโมโต้ ตัดสินใจที่จะทดลองเลี้ยงไข่มุกที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก เขาเป็นนักฝัน และเขาไม่ปล่อยให้ความฝันของเขาจบสิ้นลง เขากลายเป็นบุคคลแรกของโลกที่ประสบความสำเร็จในการเพาะไข่มุกรูปทรงครึ่งวงกลม ในปีค.ศ. 1893 เขายังคงพยายามที่จะเพาะเลี้ยงไข่มุกประเภทต่างๆ อีกมากมาย รวมทั้งไข่มุกเลี้ยงเซาธ์ซีส์ที่มีสีดำและขาว
อาคารแห่งนี้เป็นที่รู้จักในนามของ "ร้านสีไข่มุก" ซึ่งเป็นอาคารตกแต่งด้วยหินสีขาวสไตล์ตะวันตก หันหน้าไปทางถนนกินซ่าชูโอเป็นที่ดึงดูดความสนใจอย่างกว้างขวางในเรื่องของความคิดริเริ่ม
ผู้นำในการนำกระบวนการผลิตเครื่องประดับสมัยใหม่เข้ามาสู่ญี่ปุ่น ด้วยการส่งเสริมความงามและวัฒนธรรมของเครื่องประดับ
มร.โคคิชิได้ส่งช่างฝีมือที่มีความสามารถไปยังยุโรปเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคและการออกแบบเครื่องประดับที่ทันสมัย รวมทั้งรูปแบบศิลปะ Art Deco และ Art Nouveau เขาใช้เวลาหลายสิบปีในการผสมผสานงานฝีมือด้านงานโลหะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคการผลิตแบบยุโรป ด้วยการใช้ประสบการณ์และความรู้ที่พวกเขานำกลับมาจากยุโรปเพื่อสร้างสรรค์รูปแบบที่โดดเด่นแบบเฉพาะตัวของมิกิโมโต้ เขาประสบความสำเร็จในการสร้างรากฐานให้แก่การผลิตเครื่องประดับยุคใหม่ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความทุ่มเทในระดับที่เกินกว่าเพียงแค่การเป็นผู้ริเริ่มผลิตไข่มุกเลี้ยง
การจัดแสดงสินค้าในงานแสดงสินค้านานาชาติและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
การจัดแสดงในงานแสดงสินค้านานาชาติเพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์ มร.โคคิชิมีพรสวรรค์ในด้านการประชาสัมพันธ์ไข่มุก ในขณะเดียวกันก็สร้างความประหลาดใจให้แก่ชาวโลกด้วยผลงานสร้างสรรค์ที่น่าอัศจรรย์ของเขา นอกเหนือจากการใช้หนังสือพิมพ์และการลงโฆษณาแล้ว เขายังได้เข้าร่วมในงานจัดแสดงสินค้านานาชาติในเชิงรุก เขาไม่ได้เพียงแต่แสดงไข่มุกในรูปแบบตามธรรมชาติ แต่มักจะมีการนำเสนอสินค้าอย่างพิถีพิถันเพื่อให้แน่ใจได้ว่าสินค้าจะสามารถดึงดูดทุกสายตา จากความพยายามเหล่านี้ของเขา มิกิโมโต้จึงได้รับชื่อเสียงในฐานะของผู้บุกเบิกด้านการเพาะเลี้ยง กระบวนการผลิต และการจำหน่ายไข่มุกในระดับโลก
หลังจากที่ได้รับรางวัลที่กรุงปารีส ในที่สุด ไข่มุกของมิกิโมโต้ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นอัญมณีในตลาดเครื่องประดับของโลก
ในปีค.ศ. 1921 บทความซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของลอนดอนอ้างว่า “ไข่มุกเลี้ยงที่จำหน่ายโดยนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเป็นเพียงการเลียนแบบไข่มุกของจริงเท่านั้น และการติดป้ายสินค้าเหล่านี้ให้เป็นไข่มุกจึงสร้างความเข้าใจผิด ในเมื่อความจริงแล้วไม่ใช่ไข่มุกจริง” การโจมตีว่าไข่มุกเลี้ยงเป็นไข่มุกปลอมนั้นเริ่มรุนแรงขึ้น และกลายเป็นคดีฟ้องร้องซึ่งในภายหลังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “การพิจารณาคดีในศาลกรุงปารีส” ท้ายที่สุด มิกิโมโต้ชนะการต่อสู้ทางกฎหมายในศาลของฝรั่งเศส จากเหตุการณ์นี้ มิกิโมโต้และไข่มุกเลี้ยงของบริษัทจึงได้รับชื่อเสียงไปทั่วโลก
นักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกา โทมัส เอดิสัน ตกตะลึงกับไข่มุกเลี้ยงของมิกิโมโต้ เขาให้ความเห็นว่า “การที่คุณสามารถเพาะไข่มุกได้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก”
ในปีค.ศ.1927 ระหว่างการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปนั้น มร.โคคิชิได้พบกับเพื่อนนักประดิษฐ์ คือ โทมัส เอดิสัน เอดิสันประกาศว่า “นี่ไม่ใช่ไข่มุกเพาะเลี้ยงแต่เป็นไข่มุกจริง มีสองสิ่งที่ไม่สามารถถูกผลิตขึ้นได้ในห้องปฏิบัติการของผม นั่นคือเพชรและไข่มุก การที่คุณสามารถเพาะไข่มุกได้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก นี่เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยในเชิงชีววิทยา” มร.โคคิชิได้รับกำลังใจอย่างมากจากคำกล่าวของบุคคลที่เข้าใจในคุณค่าของนวัตกรรมของเขาโดยแท้จริง
ร้านค้าแฟล็กชิพสโตร์ของเรา
กินซ่าเมนสโตร์ ได้ผสมผสานปรัชญาของมิกิโมโต้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่นี่เราบุกเบิกอาณาจักรใหม่แห่งการออกแบบเครื่องประดับเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับโลก
การนำเสนอความเป็นแบรนด์ของเรา
ครื่องประดับทุกชิ้นของเราได้รับการออกแบบด้วยความงามอันโดดเด่น ซึ่งก่อกำเนิดมาจากประเพณีและปรัชญาในญี่ปุ่นและได้รับการขัดเกลาจากอิทธิพลระดับนานาชาติ กินซ่าเมนสโตร์ของเราเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณเพื่อดื่มด่ำไปกับโลกอันสวยงามและคุณภาพระดับดีเยี่ยมของมิกิโมโต้ ร้านค้าแห่งนี้ได้ทำการจัดแสดงคอลเล็คชั่นเครื่องประดับของมิกิโมโต้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์ที่วิเศษให้แก่ลูกค้าของเราในการค้นหาเครื่องประดับในฝัน ทีมงานของเราที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์และมีความรู้ มีความยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คุณในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตร
สัมผัสประสบการณ์สุดยอดด้านความหรูหราและความประณีต
กินซ่าเมนสโตร์เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งแต่ที่ทำการซ่อมแซมใหม่เสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ. 2017 สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่ของกินซ่า บริเวณด้านหน้าอาคารเต็มไปด้วยความร่าเริงแจ่มใสซึ่งได้รับการตกแต่งด้วยแผ่นกระจกขนาดเล็กเกือบ 40,000 ชิ้น ที่ชวนนึกถึงท้องทะเลในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อก้าวเข้าไปภายในร้าน รายละเอียดต่างๆ ที่หรูหราผสมผสานอย่างเป็นเอกลักษณ์กับงานฝีมือของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมจะรอต้อนรับคุณอยู่ แสดงให้เห็นถึงการสืบทอดคุณค่าด้านสุนทรียศาสตร์ของแบรนด์ ใช้เวลาสักครู่หนึ่งเพื่อรับฟังความต้องการของคุณ เชื่อใจในสัญชาตญาณ และปรนเปรอตัวเองด้วยเครื่องประดับที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คุณ
การให้การต้อนรับระดับมาตรฐานโลกเพื่อให้เหมาะสมกับเครื่องประดับคุณภาพเยี่ยมยอดที่สุด
บูติคแห่งแรกของมิกิโมโต้เปิดทำการในกินซ่ามากว่า 120 ปี และเราให้บริการลูกค้าจากนานาชาติมานับตั้งแต่นั้น เรามีความภูมิใจในความมุ่งมั่นที่จะมอบการต้อนรับและการบริการในระดับดีเยี่ยมที่สุดที่สามารถคาดหวังได้จากหนึ่งในร้านเครื่องประดับชั้นนำของโลกจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของเราและการบริการลูกค้า เรามีเป้าหมายที่จะเติมเต็มความต้องการสุดพิเศษของลูกค้าแต่ละคนจากทั่วโลก